top of page
ค้นหา

เรื่องเล่า ลอยลม

  • รูปภาพนักเขียน: Tony Munta
    Tony Munta
  • 6 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 1 นาที


		อาหารหมา กระสอบเท่าไรครับ
อาหารหมา กระสอบเท่าไรครับ

ลูกค้า : อาหารหมา กระสอบเท่าไร??


Munta : 20Kg 1,650 บาทครับ


ลูกค้า : โห แพงจัง


Munta : พี่คิดว่าควรจะราคาเท่าไหร่ครับ?


ลูกค้า : กระสอบละ 800 บาทก็แพงแล้ว


Munta : ถ้าอย่างนั้นพี่ลองทำอาหารเองนะครับ


ลูกค้า : แต่ผมทำไม่เป็นนี่นา


Munta : ผมสามารถแนะนำโรงงานผลิตให้ได้นะครับ


ลูกค้า : แล้วผมจะ รู้ได้ยังไงว่าอาหารมันจะดี


Mhnta : ผมสามารถถ่ายทอดความรู้ให้พี่ได้นะครับ จะเปิดหลักสูตรสอนให้เป็นการส่วนตัวเรื่องโภชนาการ


ลูกค้า : น่าสนใจนะ คิดค่าเรียนเท่าไหร่


Mhnta : หลักสูตรน่าจะใช้เวลา 2 วันผมคิด 20,000 บาทก็พอครับ


ลูกค้า : ทำไมมันแพงขนาดนั้นแค่ 2 วันเอง


Munta : ผมเองใช้เวลาเรียน 4 ปีในมหาวิทยาลัย ทำงานกับบริษัท ที่มีความรู้ความเข้าใจความเชี่ยวชาญด้านโภชนาการสัตว์ อีกหลายปี แล้วก็ทำงาน กับนักโภชนาการ ที่ทำอาหารสัตว์ที่มีประสบการณ์มากกว่าผมและเก่งกว่าผม อีกหลายๆท่านรวมมาเป็นความรู้ความเข้าใจในการออกแบบสูตรอาหาร ผมว่ามันคุ้มแล้วล่ะครับ


ลูกค้า : ถ้าเรียนแล้วจะเอาไปทำจริงๆได้หรือเปล่า


Munta : ต้องขึ้นอยู่กับคุณลูกค้าครับ ว่าเรียมแล้วจะสามารถนำไปใช้จริงได้ไหมติดต่อกับโรงงานได้ไหม หาโรงงานที่ผลิตอาหารได้หรือเปล่า แล้วโรงงานนั้นจะทำงานได้ดีไหม


ลูกค้า : ...


Munta : หลังจากนั้นก็ลองผลิตออกมาเป็นชุดแรก ตามมินิมอลออเดอร์แล้วลองเทสกับสุนัข หลายๆสายพันธุ์ ว่าสูตรที่เราทำออกมานั้นดีหรือเปล่า


ลูกค้า : แล้วผมจะไปหาหมาที่ไหนมาทดลอง เขาจะกล้าใช้เหรอ


Munta : ใช่ครับมาทดลองเป็นเรื่องยากครับ แล้วการวัดผลก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ว่าเราจะกำหนดมาตรฐานของความพอใจของผลจากการใช้อาหารสุนัขของเราที่เราคิดค้นมากแค่ไหน


ลูกค้า : ทำไมมันยากขนาดนั้น


Munta : อย่าเพิ่งหมดกำลังใจครับ เรายังทดลองได้ ถ้าคุณลูกค้ามีเวลามากพอมีสุนัขมากพอมีทุนมากพอ ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้เสมอ


ลูกค้า : แล้วต้นทุนวัตถุดิบแต่ละกิโล มันแพงมากไหม


Munta : วัตถุดิบอาหารสัตว์ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพครับ ต้องดูเรื่องความสม่ำเสมอของคุณภาพเรื่องการปนเปื้อน แล้วก็เรื่องต้นทุนค่าพลังงาน


ลูกค้า : ต้นทุนค่าพลังงานมาเกี่ยวอะไรด้วย


Munta : คุณลูกค้าคงไม่สามารถ บดวัตถุดิบอาหารสัตว์ แล้วก็อัดเม็ดมันได้ด้วยตัวเองมั้งครับ มันต้องใช้เครื่องจักร และมันก็ต้องใช้พลังงาน มันต้องมีพลังงาน 2 ส่วนนะครับใช้พลังงาน ไฟฟ้าและไอน้ำที่มีความร้อนมาทำให้อาหารมันสุก


ลูกค้า : เริ่มเยอะแล้ว ทำไมมันเรื่องเยอะขนาดนี้


Mhnta : นี่ยังไม่รวมถึงห้องปฏิบัติการที่จะต้องใช้ที่จะต้องมีเพื่อการตรวจสอบคุณภาพของอาหารสุนัขที่คุณลูกค้าผลิตออกมาอีกนะครับ


ลูกค้า : ชักจะไปกันใหญ่แล้ว


Munta : อยากจะให้คุณลูกค้าเข้าใจครับว่าการจะมีผลิตภัณฑ์ตัวนึงที่มีคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม มันมีปัจจัยมันมีต้นทุน มันมีรายละเอียดเยอะมากครับคุณลูกค้า



สิ่งที่คุณจ่ายให้เราเป็นค่าอาหารสุนัขที่คุณรัก มันมาจากความตั้งใจของเรามันมาจากความรู้ความเข้าใจ มันมาจากประสบการณ์มันมาจากเครื่องจักร มันมาจากค่าพลังงานมันมาจากต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ มันมาจากค่าแรงงาน มันมาจากค่าขนส่ง มันมาจากหยาดเหงื่อแรงกายของการทำงานของคน จากต้นทางจนถึงคนส่งสินค้าถึงบ้านของคุณลูกค้า อยากจะให้คุณลูกค้าทุกท่านมีความเข้าใจว่าทุกอย่างมันมีต้นทุน สิ่งที่คุณจ่าย นอกจาก ค่าวัตถุดิบแล้ว ยังมีส่วนของ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และรายละเอียดตามที่เล่ามาทั้งหมดด้วยครับ



สิ่งที่คุณ *** ไม่ต้องจ่าย *** เมื่อซื้ออาหาร มันตา คือ

1. ค่าโฆษณา สินค้า มันตา เพราะเรา ทำ เท่าที่พอทำได้

ยอดขายทั้งหมด มาจาก ลูกค้าเก่า เล่าต่อ บอกต่อ แนะนำต่อ

2. ค่าบรรจุภัณฑ์ ราคาแพง เพราะเราเลือกใช้ ถุงบรรจุคุณภาพดี แต่ไม่มีค่าจัดพิมพ์ใดๆ ให้ท่านต้องจ่าย ทิ้งเปล่า

3. ค่าพนักงานขาย เซลล์ ผู้จัดการ ทีมการตลาด บัญชี บุคลาการมากมาย ฯลฯ

มันตานี้ มีต้น มันตา คนเดียวจบ

4. ค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสินค้า เช่น ระวางเรือ พิธีการศุลกากร ค่าใช้จ่ายในการ รับสินค้าจากท่าเรือ ไปเก็บไว้ที่โกดัง หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ เบี้ยบ้ายรายทาง

5. กำไรของร้านค้าส่ง ร้าน Pet Shop ที่ซื้อสินค้าจาก ผู้นำเข้า ไปเพื่อขายต่อให้ลูกค้ารายย่อย

6. กำไรของบริษัทผู้นำเข้าสินค้าเอง

ลองคิดเล่นๆดูนะครับ ว่าจะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของราคาที่ท่านจ่าย (40%???) แล้วจ่ายเพื่ออะไรมันจำเป็นไหม แล้วผลที่ได้ ดีแค่ไหนสมกับเงินที่จ่ายไปไหม ฝากไว้ให้คิด



ขอบพระคุณจากใจที่อ่านจนจบ



ต้น มันตา

 
 
 

Commentaires


bottom of page